คอลัมน์ มงคลข่าวสด
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
พระพรหมวชิรคุณ – วันที่ 15 ก.ค.2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระบรมราชโองการโปรดสถาปนา พระธรรมวิสุทธิญาณวัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม จ.เชียงราย ขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง
มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมวชิรคุณ วิบุลประชาพัฒนาการ ภาวนาวิธานโกศล วิมลศาสนกิจดิลก สาธกธรรม วิจิตรยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม จังหวัดเชียงราย
มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 8 รูป
ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2564 ประกาศ ณ วันที่ 15 ก.ค.2564 เป็นปีที่ 6 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระพรหมวชิรคุณ (ไพบูลย์ สุมังคโล) พระเถระที่พุทธศาสนิกชนชาวเหนือ ให้ความเลื่อมใสศรัทธา
ปัจจุบัน สิริอายุ 87 ปี พรรษา 57 ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธรรมยุต) และวัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม อ.เชียงของ จ.เชียงราย
มีนามเดิมว่า ไพบูลย์ สิทธิ เกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2477 เป็นบุตรของคหบดีชาวอำเภอเกาะคา บิดา-มารดา ชื่อ นายกองแก้วและนางคำ สิทธิ
ในวัยเยาว์ เข้าศึกษาที่โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์ จ.เชียงใหม่ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6
อายุ 29 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลำปาง มีพระครูธรรมาภิวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์
อยู่จำพรรษาที่วัดดังกล่าว ได้รับการอบรมจากพระอาจารย์หลวง กตปุญโญ เจ้าอาวาส เมื่อมีความก้าวหน้าจากการปฏิบัติธรรมแล้ว ออกท่องธุดงค์ไปจำพรรษาในภาคอีสาน และกลับธุดงค์ขึ้นมาแถบป่าเขาในเขตเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และเชียงราย
พ.ศ.2513 มีโอกาสไปร่วมงานถวายเพลิงพระอาจารย์สม ที่ อ.แม่เมาะ และพบกับพระอาจารย์ทองที่เดินทางมาจากวัดอโศการาม จึงได้ชักชวนออกเดินธุดงค์หาความวิเวกด้วยกัน
เมื่อคณะผ่านมาถึง จ.พะเยา พักบำเพ็ญสมณธรรมอยู่วัดร้างและจำพรรษาที่วัดร้างแห่งนี้ ชาวบ้านแถบนั้นได้มาทำบุญฟังเทศน์ เกิดความเลื่อมใสศรัทธา พากันอาราธนาให้อยู่ช่วยบูรณะวัดร้าง
จึงอยู่ช่วยปฏิสังขรณ์วัดร้าง จนมีสภาพดีขึ้นตามลำดับ และได้รับอนุญาตให้สร้างเป็นวัด มีนาม “วัดรัตนวนาราม”
ต่อมามีชาวบ้านจากบ้านสันป่าม่วง บ้านสันบัวบก บ้านสันป่าบง เข้ามาอาราธนาไปดูสถานที่สำคัญบนดอยสูง ฝั่งกว๊านพะเยาด้านตะวันตก เพื่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์
ในเวลาไม่นาน ได้รับการยกฐานะให้เป็นวัด ชื่อ วัดอนาลโยทิพยาราม
ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2548 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดลำปาง-แพร่-น่าน-พะเยา-เชียงราย (ธ) พ.ศ.2553 เป็นรองเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ)
พ.ศ.2557 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 4-5-6-7 (ธ) พ.ศ.2563 เป็นเจ้าอาวาสวัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2524 ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฒโน) แต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมที่ พระครูปลัดสัมพิพัฒนญาณาจารย์
พ.ศ.2532 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ที่พระปัญญาพิศาลเถร พ.ศ.2547 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชสังวรญาณ
พ.ศ.2551 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพวิสุทธิญาณ
วันที่ 28 ก.ค.2562 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมวิสุทธิญาณ
ล่าสุดพระบรมราชโองการโปรดสถาปนาขึ้นเป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมวชิรคุณ
เป็นพระเถระที่มีปฏิปทา เป็นพระกัมมัฏฐานสายพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต เป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวบ้านในเขตจังหวัดภาคเหนือและพื้นที่ใกล้เคียง
เมื่อปลายปี พ.ศ.2556 ด้วยกิตติศัพท์แห่งอาจาระและสุปฏิปันโน ญาติโยมได้ถวายที่ดินที่เคยเป็นที่เพาะปลูกสวนยางพารา ริมแม่น้ำโขง บ้านห้วยเม็ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย สร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม
กลายเป็นวัดที่โดดเด่น คือ วัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม
แม้ทุกวันนี้ จะดำรงตำแหน่งพระสังฆา ธิการชั้นผู้ใหญ่ แต่วัตรปฏิบัติยังคงเรียบง่ายดุจเดิม ยังคงให้การอบรมศีลธรรมแก่พุทธศาสนิกชน เน้นให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา ตามหลักเบญจศีล เบญจธรรม เป็นข้อปฏิบัติพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้เป็นปกติสุขในสังคม
แม้สังขารเริ่มโรยราไปบ้างตามกาลเวลา แต่จิตใจของท่านยังเข้มแข็ง มุ่งมั่นเพื่อพระศาสนา