“ประภัตร” ยืนกรานหมูแพงเกิดจากความผิดพลาดของกลไกตลาด ลั่นไม่ได้ปกปิดข้อมูล ไม่ใช่โรค ASF ฟุ้งเตรียมเงิน 3 หมื่นล.ให้เกษตรกรกู้ พร้อมสั่งให้ปศุสัตว์เร่งผลิตลูกหมู
วันที่ 17 ก.พ.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ มาตรา 152 ต่อมา วลา 18.00 น. นายประภัตร โพธสุธน รมต.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า เรื่องโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) มีมานานแล้ว แต่ถูกปกปิด ข้อเท็จจริงแล้วเราได้รับข้อมูลอย่างชัดเจนจากการพบหมูลอยน้ำที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย วันที่ 5 ส.ค.62 แต่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราเดินทางไปที่ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนทันที พร้อมเรียกประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้ออกมาตรการร่วมกับผู้เลี้ยงสุกร ปิดพรมแดนในการเคลื่อนย้ายหมู และเอาหมูทั้ง 12 ตัว เข้าห้องแล็บพบว่ามีเชื้อ จึงต้องทำลายหมูในรัศมี 5 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เรื่องชะลอได้ ไม่ได้ปิดบังเลย นอกจากนี้ยังตั้งคณะกรรมการมา ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรฯ มหาดไทย พาณิชย์ ร่วมกันลงไปจัดการในเขตที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ในปี 63 ไทยส่งหมูเป็นไปประเทศเพื่อบ้านกว่า 3 ล้านตัว ปี 64 อีก 1.4 ล้านตัว ดังนั้น จะปิดบังไม่ได้ เพราะประเทศอื่นเขาก็ตรวจเข้ม
“นายกฯร้อนใจเรื่องราคา ได้เรียกประชุมวันที่ 14 ม.ค.65 ให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยร่วมกันสำรวจสต๊อก ซึ่งขณะสำรวจเหลือหมูถึง 12 ล้านตัว ทั้งยังให้ไปสำรวจเนื้อหมูในห้องเย็นกว่า 1,087 แห่ง พบมีหมูในสต๊อก 25 ล้านกิโลกรัม ดังนั้น ไม่ใช่โรคเอเอสเอฟที่ทำให้หมูตาย หมูขาดตลาด แล้วทำให้เนื้อหมูราคาแพง เพราะปริมาณหมูอยู่ครบ วันนี้ทุกคนยอมรับแล้วว่าเกิดจากความผิดพลาดจากกลไกทางการตลาด นี่คือการบิดเบือนกลไกทางการตลาด และรัฐบาล นายกฯ กระทรวงเกษตรฯ หรือผมเอง เราไม่เคยได้ประโยชน์จากพ่อค้าหมูเลย เราทำงานทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือ ดังนั้น เราจะปกปิดอะไรไม่ได้เลย”นายประภัตร กล่าว
รมช.เกษตร กล่าวว่า นายกฯมีความเป็นห่วง และสั่งการให้เงินทุน จัดอบรม และเลี้ยงใหม่ โดยเงินทุนที่ตั้งไว้กว่า 3 หมื่นล้านบาท เอาไว้ให้พี่น้องได้กู้ยืมเพื่อกลับมาเลี้ยงหมู ทั้งยังสั่งกรมปศุสัตว์ ร่วมกับวิทยาลัยเกษตรฯที่มีอยู่ทั่วประเทศ เร่งผลิตลูกหมู