ช่วงใกล้เปิดเทอม ใกล้เทศกาลตรุษจีน ถือเป็นดัชนีชี้วัดสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพ ออกมาจับจ่ายใช้สอยกันด้วยเงินสด
“พยัคฆ์น้อย” คลุกคลีกับผู้สื่อข่าวต่างจังหวัดทั่วประเทศมาเกือบ 20 ปี โดยเฉพาะ 5-6 ปีที่ผ่านมา พอถึงช่วงเปิดเทอม จะเห็นสภาพพ่อแม่ผู้ปกครองบ่นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจตกสะเก็ด ต้องเอาสร้อย–แหวน–เครื่องใช้ไฟฟ้าไปจำนำ
ระยะหลัง ๆ ถึงขนาดเอาเครื่องยนต์ทางการเกษตร รถไถ และเครื่องมือช่าง ไปจำนำกันจนเต็มโรงรับจำนำ เพื่อหาเงินไปซื้อชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนให้ลูกหลาน และร้านค้าส่วนใหญ่ก็บ่นว่าค้าขายไม่คึกคัก เพราะชาวบ้านไม่มีเงิน
ส่วนเทศกาลตรุษจีน ก็เห็นสภาพมาหลายปีว่าการจับจ่ายใช้สอยไม่คึกคักเหมือนก่อน ส่วนใหญ่จะประหยัด ซื้อหมูเห็ดเป็ดไก่กันในจำนวนน้อยลง และเลือกของเท่าที่จำเป็นจริง ๆ คาดว่าตรุษจีนปีนี้คงมีสภาพแบบนั้น หรือสาหัสกว่าตรุษจีนเมื่อปีที่แล้วเสียอีก เพราะประชาชนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันทั่วหน้า
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ยิ่งมาเจอไวรัสโควิด-19 ระบาด 2 รอบ! แถมยังเจอมาตรการจาก “รัฐบาล VERYกู้” แทนที่จะเน้นวิธีการป้องกันไปพร้อม ๆ กับการ “เปิดเศรษฐกิจ” คือให้ตลาดเปิด ร้านค้าเปิด การท่องเที่ยวเปิด เพื่อให้คนมีงานทำ ให้เกิดการจ้างงาน
แต่ “รัฐบาล VERYกู้” กลับเน้นไปในการควบคุม และ “ปิดเศรษฐกิจ” ร้านอาหาร ร้านข้าวต้ม ลูกค้านั่งกินได้ไม่เกิน 3 ทุ่ม (ตอนนี้ปรับเป็น 5 ทุ่มแล้ว) ถ้าเกินกว่านั้นต้องซื้อกลับไปกินที่บ้าน ทั้งเจ้าของร้านและลูกจ้างจึงได้รับความเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า
ไหนจะกลุ่มอาชีพคนกลางคืน พวกผับ บาร์ เธค ร้านนวด บรรดาศิลปิน นักร้อง นักดนตรี แดนเซอร์ พนักงานเสิร์ฟ ต้องตกงานกันมาหลายเดือนแล้ว ขณะที่มาตรการช่วยเหลือของภาครัฐยังไปไม่ค่อยถึงกลุ่มอาชีพคนกลางคืน
มีอดีต ส.ส. เพิ่งบ่นให้ฟังว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรีของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไม่น่า “ตกสำรวจ” รอดเงื้อมมือของฝ่ายค้านไปได้
เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วได้นั่งเครื่องบินไปลงที่ จ.เชียงราย เห็นสภาพไม่น่าประทับใจตั้งแต่ลงจากเครื่องบิน เพราะมีเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วยงาน มีทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพ่นพ่านเพื่อดักรอสแกนผู้โดยสารกันเต็มไปหมด ดู ๆ แล้วเว่อร์! เกินไป เพราะความกลัวคนสมุทรสาคร-ระยอง-ชลบุรี มาเที่ยวเชียงราย แต่พอออกไปจากสนามบินแล้ว สภาพทุกอย่างก็เป็นปกติของเมืองท่องเที่ยว แต่ที่ไม่ปกติคือไม่มีนักท่องเที่ยว ไม่มีทั้งคนต่างชาติ ไม่มีทั้งคนไทยจากจังหวัดอื่น ๆ มาเที่ยวเชียงราย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กับนายพิพัฒน์ต้องไปคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้รู้เรื่องว่าจะเอาอย่างไรแน่กับปัญหาการท่องเที่ยว เพราะถ้าอยู่สภาพนี้ไปเรื่อย ๆ ธุรกิจท่องเที่ยวเจ๊งกันหมดแน่นอน!
นายอนุทินบริหารกระทรวงสาธารณสุขย่ำแย่พออยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่อง “วัคซีน” ประเทศไทยล่าช้ากว่าเพื่อนบ้านอาเซียน แล้วปัจจุบันภาคการท่องเที่ยวซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของพรรคภูมิใจไทยกำลังล้มตายไปต่อหน้าต่อตานายพิพัฒน์
นายพิพัฒน์กับนายอนุทินออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้ให้เมืองการท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย ให้มีลมหายใจต่อไปหรือไม่? เพราะได้ยินใครต่อใครไปภูเก็ตก็บ่นว่าเงียบ! โรงแรมรอขายกิจการจำนวนมาก ส่วนเชียงใหม่ เชียงราย เหมือนคนป่วยหนักรอวันตาย สุดท้ายต้องขายกิจการเหมือนกัน
พรรคภูมิใจไทยต้องเร่งช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง เหมือนกับการคิดโปรเจคท์ต่าง ๆ ในกระทรวงคมนาคม!!.
—————
พยัคฆ์น้อย