คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ตามตร.ขยายผลแก๊งยา – หลายครั้งที่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเหล่าขี้ยา มักมีคนตั้งคำถามว่าทำไมจับแต่ขี้ยา คนขายยาตัวใหญ่ๆ ไม่ยอมไปจับ คนที่ตั้งคำถามเช่นนี้ย่อมไม่รู้ถึงขั้นตอนวิธีการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ในการขยายผลการจับกุม
โดยเฉพาะในคดียาเสพติดที่เจ้าหน้าที่ต้องพยายามขยายผลจับกุมให้ได้ทั้งเครือข่าย จนนำไปสู่มาตรการยึดทรัพย์เพื่อตัดเส้นทางการเงินของขบวนการนรก
เช่นปฏิบัติการจับกุม-ขยายผลของชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตํารวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่เริ่มจากยาบ้าเพียง 2 เม็ด ก่อนขยายผลจนสามารถตามไปจับกุมได้ถึงเอเยนต์ใหญ่ที่ภาคเหนือ
เรื่องราวของปฏิบัติการครั้งนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อนายประเวศ ไทยประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี นายพีระ กาญจนพงศ์ ผอ.ปปส.ภ.8 พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง รองผบก.ฯ พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รองผบก.ฯ ร่วมแถลงผลการจับกุมจับกุมผู้ต้องหาแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่พร้อมของกลางจำนวนมาก
ผู้ต้องหาประกอบด้วยนายกฤตเมธ หรือปอ แก้วเจริญ อายุ 34 ปี ชาว ต.วัดประดู่ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี นายศรายุทธ หรือเอ็ม ตะบะขจร อายุ 38 ปี ชาว ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.รัตนา หรือกุ้ง บุญสุข อายุ 35 ปี ชาว ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.นาฏตยา หรือควีน มณีแสง อายุ 35 ปี ชาว ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา นายเดชา หรือแตน มั่งมี อายุ 35 ปี ชาว ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นายสถาพร หรือเจ อมรพันธ์ และนายชนม์วิศิษฎ์ หรือวัน วงศ์น้อย ชาว ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย ทั้งหมดถูกจับพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 522,515 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 3.8 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 4 คัน
พล.ต.ต.สาธิต เผยที่มาที่ไปของการจับกุมครั้งนี้ว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดตํารวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติดพร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 2 เม็ด จากนั้นได้สอบสวนขยายผลจนทราบว่าซื้อยาบ้ามาจากนายสถาพร หรือเจ อมรพันธ์ จึงติดตามไปจับกุมตัวได้พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 2 พันเม็ด ในพื้นที่ สภ.ขุนทะเล
ชุดจับกุมรีบสอบสวนถึงที่มาที่ไปของยาบ้าจำนวนดังกล่าวในทันที ก่อนที่กลุ่มขบวนการคนอื่นๆ จะทันรู้ว่าสมาชิกในเครือข่ายเกมไปแล้ว 2 คน ซึ่งใช้เวลาไม่นานก็ได้ข้อมูลว่านายสถาพรได้รับยาบ้ามาจากนายเดชา หรือแตน มั่งมี อายุ 35 ปี ชาว ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าจำนวน 8,515 เม็ด และยาไอซ์จำนวน 30 กรัม
น้ำกำลังขึ้นให้รีบตัก ฉันใดก็ฉันนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบยื่นข้อเสนอให้ผู้ต้องหาติดต่อสั่งยาบ้าล็อตใหญ่จากเอเยนต์เพื่อแลกกับการลดหย่อนโทษ ซึ่งก็เป็นไปตามแผนโดยสามารถขยายผลล่อซื้อยาบ้า จำนวน 4 แสนเม็ด ก่อนจะนัดส่งของกันที่บริเวณเสาไฟฟ้าภายในซอยไสหลวง หมู่ที่ 2 ต.พุนพิน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พอถึงเวลาตำรวจก็พบผู้ต้องหาร่วมขบวนการอีกจำนวน 4 รายคือ นายกฤตเมธ, นายศรายุทธ, น.ส.รัตนา และ น.ส.นาฏตยา นำยามาวางทิ้งตรงจุดที่นัดหมายจึงแสดงตัวเข้าจับกุมไว้ได้ทั้งหมดพร้อมของกลาง
ตํารวจสอบสวนรับสารภาพว่าได้นำยาเสพติดทั้งหมดมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และนัดส่งกันที่จุดดังกล่าว นอกจากนี้ผู้ต้องหายังรับสารภาพอีกว่าก่อนจะมาถูกจับกุมตัว เพิ่งนำยาบ้าจำนวน 3.4 หมื่นเม็ด ไปวางให้กับลูกค้าที่บริเวณริมถนนสายกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ ต.หัวเตย อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี และยังมียาบ้าที่ซุกซ่อนอยู่ในโรงแรมที่เปิดเช่าไว้ ใน ต.หนองไทร อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี อีกจำนวน 3 หมื่นเม็ด ยาไอซ์ จำนวน 5.08 กรัม เจ้าหน้าที่จึงได้ไปดำเนินการตรวจยึดเอาไว้ทั้งหมด
ภายหลังไล่ต่องานในพื้นที่จนหมด ชุดจับกุมยังได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 ร่วมสอบสวนขยายผลก่อนประสานข้อมูลร่วมกับ ป.ป.ส.ภาค 5 จนทราบเครือข่ายแหล่งที่มาของยานรกล็อตดังกล่าว ก่อนจะร่วมจับกุมตัวนายชนม์วิศิษฎ์ หรือวัน วงศ์น้อย ได้ที่บ้านพักใน ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมของกลางยาไอซ์จำนวน 3.8 กิโลกรัม ยาบ้าจำนวน 4.8 หมื่นเม็ด ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพแต่โดยดี เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายต่อไป
นับเป็นผลการจับกุมที่สมบูรณ์แบบคดีหนึ่งเลยทีเดียว