กองกำลังผาเมืองนำกำลังอาสาสมัคร480นาย รณรงค์ประชาชนลดการเผา เตรียมขยายโครงการแนวกันไฟ ‘สองแผ่นดิน’ แก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พล.ต.นฤทธิ์ ถาวรวงษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เปิดเผยว่า กองกำลังผาเมืองนำกำลังอาสาสมัครกิจการพลเรือน ( อส.กร. ) จำนวน 480 นาย จากหมู่บ้านยามแนวชายแดนลงพื้นที่รณรงค์ให้ประชาชนลดการเผาแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่รับผิดชอบ โดยอาสาสมัครกิจการพลเรือน ( อส.กร. ) เหล่านี้กระจายอยู่ในพื้นที่ 5 จังหวัด 24 อำเภอ ประกอบด้วย จังหวัดเชียงใหม่ 5 อำเภอ จังหวัดเชียงราย 7 อำเภอ จังหวัดพะเยา 2 อำเภอ จังหวัดน่าน 7 อำเภอ จังหวัดอุตรดิตถ์ 2 อำเภอ และจังหวัดพิษณุโลก 1 อำเภอ เพื่อทำหน้าที่ให้ความรู้กับประชาชนเรื่องผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ตลอดจนแนวทางการแก้ไขและสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยดูแลรักษาป่าเพื่อให้คนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน
“สำหรับปัญหาหมอกควันข้ามแดนนั้น เนื่องจากกองกำลังผาเมืองมีพื้นที่ติดกับประเทศเมียนมาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงประสานขอความร่วมมือทางทหารเมียนมาและลาวแจ้งประชาชนให้ช่วยกันงดการเผาในพื้นที่ป่า และเมื่อเกิดสถานการณ์ไฟป่าในแต่ละพื้นที่ขอให้ประชาชนแจ้งหน่วยงานของรัฐในการเข้าควบคุมไฟป่า นอกจากนี้กองกำลังผาเมืองเตรียมจัดโครงการทำแนวกันไฟสองแผ่นดินในพื้นที่บ้านนอแล อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่ฟ้าหลวง, อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นี้ เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนใน 2 พื้นที่มาร่วมกันในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน” พล.ต.นฤทธิ์ กล่าวทั้งนี้จากสถิติการเกิดไฟป่า ปี 2563 ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังผาเมือง จำนวน 356 ครั้ง โดยปีนี้กองกำลังผาเมืองมีพื้นที่เพ่งเล็งพิเศษ 8 อำเภอ ใน 3 จังหวัดได้แก่ พื้นที่อำเภอเชียงดาว อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ และพื้นที่ อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พื้นที่อำเภอบ่อเกลือ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เกิดไฟไหม้ป่าต่อเนื่องในหลายอำเภอ ทั้งโซนใต้และโซนเหนือ ทำให้เกิดภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 กระจายตัวอยู่ในอากาศ ท้องฟ้าเป็นสีส้มชัดเจน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังและป้องกันตนเองในขณะออกไปในที่โล่ง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมทุกชนิดในพื้นที่กลางแจ้ง