เจาะประเด็นข่าว 7HD – ช่วงนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดอย่างหนัก ล่าสุดมีหญิงรายหนึ่งร้องเรียนกับทีมข่าวเข้ามาว่า เธอได้รับหมายศาลในคดีฟอกเงิน และมีเจ้าหน้าที่จากศาลโทรมาไกล่เกลี่ยให้ชำระเงินจำนวน 140,000 บาท ไม่อย่างนั้นจะถูกออกหมายจับ ทั้งที่ไม่เคยเป็นหนี้ที่ไหนเลย
นี่คือหมายศาลที่ นางสาวสุนีย์ แก้วเกิด ได้รับโดยอ้างว่าเป็นหมายศาลจากจังหวัดเชียงราย ออกหมายวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2564 ในฐานความผิด “ร่วมกันฟอกเงิน” โดยผู้ร้องคือ ผู้กำกับการสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย
คุณสุนีย์ เล่าว่า เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีคนโทรศัพท์มาหา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากศาลอาญารัชดา และบอกกับเธอว่าเธอมีหมายศาลถูกธนาคารฟ้องร้อง เพราะไม่จ่ายหนี้บัตรเครดิตเป็นเงินกว่า 140,000 บาท มีการใช้จ่ายล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2564 ที่จังหวัดเชียงราย แต่เธอยืนยันว่าไม่เคยไปจังหวัดเชียงรายเลย ทางมิจฉาชีพจึงบอกอีกว่าอาจจะถูกสวมบัตรก็ได้ จึงแนะนำให้แจ้งความ และโอนสายไปให้ผู้ชายอีกคนซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงราย ด้วย
และเธอก็ได้แจ้งความ ส่งบัตรประชาชน ข้อมูลส่วนตัวต่าง ๆ ไป โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือกระบวนการของมิจฉาชีพ หลังจากนั้นมิจฉาชีพก็ให้แอดไลน์ และส่งหมายศาลมาในไลน์ พร้อมกับโทรมาเจรจาเพื่อให้โอนเงิน 140,000 แล้วจะดำเนินการปิดคดีให้ หากไม่โอนจะออกหมายจับ
ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดย พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เหตุในลักษณะนี้มีให้เห็นทุกวัน และตำรวจก็ไม่ได้เพิกเฉย มีการติดตามจับกุมอยู่ตลอดอยู่แล้ว เพียงแต่กระบวนการของแก๊งมิจฉาชีพส่วนใหญ่จะมีฐานที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ และใช้คนไทยเป็นหน้าม้า จึงเป็นอุปสรรคต่อการจับกุม หากจับได้ก็จับได้แค่หน้าม้ารายย่อย ๆ
พลตำรวจตรี ยิ่งยศ ยังบอกอีกว่า ความจริงแล้วการดูหมายปลอม และหมายจริง มีข้อสังเกตไม่ยาก เพียงแต่ไม่สามารถบอกชัดเจนได้ เพราะเกรงว่าจะกลายเป็นการชี้ช่องโจรให้เอาไปพัฒนากลยุทธ์ในการหลอกลวง แต่โดยรวมให้ดูลักษณะของฟอนท์ การจัดเรียง ชื่อ ตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่มั่นใจให้โทรไปตรวจสอบที่ปลายทางในหนังสือ
และที่สำคัญประชาชนต้องมีความรู้ และสติให้มาก ๆ ถ้ามั่นใจว่าเราไม่เคยทำผิด ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนก และจำไว้เลยว่าไม่มีหน่วยงานราชการไหน จะโทรไปขอข้อมูลส่วนตัว โดยเฉพาะการเงินทางโทรศัพท์ หากเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็ให้ปักธงไว้เลยว่ามีสิทธิ์เป็นมิจฉาชีพแน่นอน
ส่วนทางด้านของสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงราย ผู้สื่อข่าวได้โทรสอบถาม ยืนยันว่าทางสถานีไม่มีไลน์ในชื่อดังกล่าวที่ใช้ติดต่อราชการกับประชาชน และก็ตกเป็นผู้ถูกแอบอ้างเช่นกัน ล่าสุดก็ได้ดำเนินการส่งข้อมูลให้กับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อดำเนินกาติดตามจับกุมแล้ว