“ยุทธนา” นำทัพ “ธนารักษ์” ขึ้นเหนือลุย “แม่สาย” แจกสัญญาเช่าที่ราชพัสดุ แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำของสังคม กว่า 250 ราย ทำพื้นที่คึกคัก ทั้งยังมอบเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก ก่อนเยี่ยมชมตลาดชุมชนตามโครงการ “เปลี่ยนชุม เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและมีรายได้หมุนเวียนภายในชุมชน
เมื่อวันที่ 29 มี.ค.64 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ พร้อมด้วย นางสาวสุภัทรา ส่องประทีป ผู้อำนวยการกองพัฒนาธุรกิจและศักยภาพที่ราชพัสดุ นายสมมาตร มณีหยัน ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีการสำรวจและฐานข้อมูลที่ราชพัสดุ และคณะ ลงพื้นที่แจกสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุตามนโยบายเรื่องลดความเหลื่อมล้ำของสังคมด้านที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” พร้อมจัดตลาดชุมชน ภายใต้โครงการ “เปลี่ยนชุมชน เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ณ หอประชุมอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
โดยมีนายอรรถพล คนเพียร ธนารักษ์พื้นที่เชียงราย นายสมเกียรติ บุญทัน ธนารักษ์พื้นที่เชียงใหม่ นางสาวจารุวรรณ ศิริสว่างเมฆ ธนารักษ์พื้นที่พะเยา นางสาวจันทร์สม เป็นตาธรรม ธนารักษ์พื้นที่แพร่ นางเขมฤดี จันทร์คง ธนารักษ์พื้นที่ลำปาง นางสาวจีริสุดา ลาภจิตร ธนารักษ์พื้นที่ลำพูน และนางสาวเบญจพรรณ รัตนวิฬาร์ ธนารักษ์พื้นที่แม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับ
นายยุทธนา กล่าวว่า การมอบสัญญาเช่าในวันนี้ เป็นการมอบสัญญาเช่าให้กับประชาชนเพื่ออยู่อาศัยและประกอบการเกษตร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชร.1154 (บางส่วน) ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นำมาจัดให้ผู้ครอบครองเช่าที่ราชพัสดุจำนวน 250 ราย โดยมีประชาชนบางส่วนเป็นผู้ป่วยไม่สามารถมารับมอบสัญญาเช่า โดยมี นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าฯ เชียงราย และนายประสงค์ หล้าอ่อน นายอำเภอแม่สาย มาร่วมมอบสัญญาเช่าและร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
สำหรับการมอบสัญญาเช่าที่ราชพัสดุดังกล่าว สืบเนื่องมาจากรัฐบาลมีนโยบายการบริหารทรัพย์สินของประเทศเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน มุ่งเน้นให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและที่ดินทำกินของราษฎร โดยการรับรองสิทธิในการเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ภายใต้โครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ”
โดยการจัดให้ผู้ครอบครองที่ราชพัสดุที่ครอบครองอยู่มาก่อนวันที่ 4 ตุลาคม 2546 ได้เช่าที่ราชพัสดุเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยและเป็นที่ทำกิน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 กรมธนารักษ์ได้กำหนดเป้าหมายดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” ทั่วประเทศจำนวนประมาณ 31,800 ราย และในปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จะดำเนินการโครงการ “ธนารักษ์ประชารัฐ” อีกไม่ต่ำกว่า 30,000 ราย ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงค่าเช่าที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับ กับค่าเช่าที่กรมธนารักษ์จัดให้ประชาชนเช่าตามโครงการดังกล่าว จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่กรมธนารักษ์ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มอบให้กับประชาชน นั่นก็คือ คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่มากกว่ารายได้ที่กรมธนารักษ์ควรจะได้รับเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ได้มอบเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกให้ผู้มารับมอบสัญญาในครั้งนี้ ตลอดจนแสดงความห่วงใยผู้ที่มาร่วมงานด้วยการแจกแอลกอฮอล์เจลขนาด 500 ml และหน้ากากอนามัยคนละ 1 กล่อง 50 ชิ้น ด้วย
จากนั้น นายยุทธนา ได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมตลาดชุมชนตามโครงการ “เปลี่ยนชุม เป็นห้องประชุม ในที่ราชพัสดุ” ตามแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ราษฎรได้มีพื้นที่ในการนำสินค้าท้องถิ่นมาจำหน่าย อันเป็นการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและมีรายได้ หมุนเวียนภายในชุมชน ซึ่งเป็นไปตามที่รัฐบาลและกระทรวงการคลังได้มีนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
โดยบูรณาการทำแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจชุมชน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้เป็นรูปธรรม ตามแนวทางกลยุทธ์ 3 สร้าง คือ 1.สร้างความรู้ สร้างอาชีพ 2. สร้างตลาด สร้างรายได้ และ 3. สร้างโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยในวันนี้มีร้านค้ามาร่วมในโครงการประมาณ 30 ร้านค้า
นายยุทธนา กล่าวเพิ่มว่า กรมธนารักษ์จะยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองนโยบายในการลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาลและกระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป.