ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร หรือ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ปฏิเสธการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขอสวมหมวกข้าราชการจนเกษียณอายุ ยอมรับไม่ถนัดเพราะเป็นงานที่ซับซ้อน
วันนี้ (14 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ในนามพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนขอตอบคำถามสิ่งที่ให้สื่อมวลชนและประชาชนตัดสินใจด้วยตัวเอง ใครที่ทำงานกับตนที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย หรือที่ จ.ลำปาง ตนจะให้ความเห็น หากมีหมวกที่สวมบทบาทใดจะทำให้ดีที่สุด
ตนมีบทบาทเป็นข้าราชการ ตนเรียนวิศวะ ไม่คิดจะรับราชการ แต่แม่จะให้รับราชการ ตนเติบโตจากกรมที่ดิน ลองดูเมื่อ 30 ปีก่อนกรมที่ดินเป็นอย่างไร ลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไปได้ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยให้โอกาสตนเป็นผู้ตรวจราชการ ผู้ว่าฯ เชียงราย พะเยา ลำปาง และปทุมธานี ไม่ว่าอยู่สั้นอยู่ยาวก็ทำงานจริงๆ ความสุขตนคือเห็นประชาชนยิ้ม เมื่อสวมหมวกข้าราชการก็จะสวมหมวกให้ดีที่่สุด โดยเดินไปจนเกษียณอายุราชการ ตนอยากสอนหนังสือเมื่อเกษียณอายุราชการ
นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ยังระบุว่า ตลอดเวลารับราชการผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องย้ายทะเบียนบ้านเหมือนนายอำเภอ การเป็นผู้ดูแลประชาชนในพื้นที่ต้องมีบ้านพัก ผู้ว่าฯ ต้องย้ายทะเบียนบ้านเข้าจังหวัดนั้นๆ ตนอยู่ จ.เชียงราย ก็ย้ายทะเบียนบ้านมา จ.เชียงราย วันนี้ทะเบียนบ้านของตนก็อยู่ จ.ปทุมธานี ถ้าอยู่ตรงนี้เราเชื่อว่าคุณสมบัติเป็นไปไม่ได้ แต่ตนคงไม่ตอบให้ไปค้นกันดีกว่า และเป็นไปไม่ได้ที่จะสมัครผู้ว่าฯ กทม. ขอบคุณผู้ใหญ่ที่ทาบทามจะชวนตน
ทั้งนี้ นายณรงค์ศักดิ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่อยากให้ผู้ว่าฯ ไปช่วยกรุงเทพฯ เป็นเกียรติยศอย่างสูง ตนอยู่ปทุมธานี 2 เดือนไปทำงานที่อื่นจะตอบคนปทุมธานีอย่างไร วันนี้คนใน 3 จังหวัดมีคนรักตนมากกว่าเกลียดขี้หน้า เป็นความภาคภูมิใจของตนเอง
“งานกรุงเทพฯ ซับซ้อนกว่า แต่ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือผู้ว่าฯ กทม. ต้องทำงานให้ประชาชนมีความสุข ซึ่ง กทม.มีอะไรซับซ้อนกว่าเยอะ ไม่ถนัดไปเข้าพื้นที่หัวใจของประเทศ ขอดูแลพี่น้องภูมิภาคจะดีกว่า” ผู้ว่าฯ ปทุมธานี กล่าว
เมื่อถามว่าการปฏิเสธลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. แล้วจะทำให้ชีวิตราชการถึงทางตันหรือไม่ นายณรงค์ศักดิ์ ยืนยันว่า ตราบใดที่ทำงานราชการได้ดี ตนก็มีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำอยู่แล้วในขณะนี้ พร้อมกับเสริมว่า อีก 3 ปีก็จะเกษียณอายุราชการ เปรียบเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังอัสดง คือ ถึงจุดสูงสุดแล้วและกำลังจะลง บ้านเมืองนี้ต้องส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ที่สามารถแบกบ้านเมืองนี้ต่อไปได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้คนรุ่นหลังเข้าใจบริบทของโลกความเป็นจริงในระบบราชการ โลกความเป็นจริงของประชาชนที่ยังมีความลำบาก
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ระบุว่า เมื่อเกษียณอายุราชการแล้วก็อยากพักผ่อน หากมีคนสานต่อแล้วทำให้บ้านเมืองเดินต่อได้ดี เราก็อยากให้ถึงตรงนั้น จริงๆ แล้วตนอยากเกษียณราชการที่อายุ 60 ปี และใช้ชีวิตกับครอบครัว เพราะตลอดเวลาที่ทำงานราชการแทบจะไม่ได้ดูแลครอบครัว เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการทำงานราชการ บางครั้งยังไม่ได้ดูแลสุขภาพให้ดีพอ