เกมนัดรองสุดท้ายศึกไทยลีก 1 ฤดูกาล 2021-2022 เตะไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เสาร์,อาทิตย์ 30 เม.ย. – 1 พ.ค. 2565 , 6 คู่ ผลงานแต่ละทีมเป็นอย่างไรไปดูกันเลย
เสาร์ที่ 30 เม.ย. 65 สมุทรปราการฯ ยังมีลุ้นอยู่รอดได้หลังชนะได้ 2 นัดติดต่อกัน เกมนี้เปิดบ้าน ได้ ชญาวัต ศรีนาวงศ์ กับ ซามูเอล โรช่า ซัดคนละเม็ด ในน. 3,50 พาทีม บดชนะ ขอนแก่น ยูฯ ไปได้ 2-1 โดย “จงอางผยอง” ได้จาก อิ๊บสัน เมโล่ น. 90 ที่มีลุ้นดาวซัลโว เต็มตัวหลังซัดแล้ว 17 ประตู ตาม เพื่อนร่วมชาติ แฮมิลตัน ซัวเรซ ของ หนองบัวฯ แค่ 1 ประตู เท่านั้น
“เขี้ยวสมุทร” จะรอดตกชั้นต่อเมื่อนัดสุดท้ายเปิดบ้าน ชนะ เชียงรายฯ แล้ว ลุ้นให้ พีที ประจวบฯ บุกแพ้ เมืองทองฯ
ส่วน เชียงใหม่ ยูฯ สุดยอดสปิริต เล่นในถิ่นทิ้งทวน เบียดชนะ โปลิศเทโรฯที่รอดตกชั้นไปแน่นอนแล้วได้ 1-0 จากประตูโทนของ ศิริศักดิ์ ไฝดง น. 10
อีกคู่ ราชบุรีฯ ที่เล่น 10 คน ตั้งแต่ น.42 หลัง กฤษณนนท์ ศรีสุวรรณ โดนใบแดง เปิดบ้าน นำ ชลบุรีฯ 2 หนแต่คว้า 3 แต้มไม่ได้ทว่าอย่างไรก็ดี พวกเขาก็รอดตกชั้นได้แน่นอนแล้ว นัดนี้ ราชบุรีฯ ได้จาก แดร์เลย์ น. 17 , กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ น. 48 ส่วน ชลบุรีฯ ได้จาก จิดี้ คานยุค น. 27 , กฤษดา กาแมน น. 66
ขณะที่ เกม อีก 3 คู่วันอาทิตย์ที่ 1 พ.ค. 2565 นั้นเจ้าบ้านนัดกันคว้าชัย ถ้วนหน้า
ทรูแบงค็อกฯ เปิดบ้าน ยำใหญ่ ส่ง สุพรรณบุรีฯ ตกชั้นรอบ 10 ปีไปได้ 5-2 พร้อมการันตี ทำให้พวกเขาได้โควตา ไปเล่น เอซีแอล 2023 แน่นอนแล้ว ในฐานะทีมอันดับ 3 นัดนี้ได้จาก แฮตทริก ของ เฮร์แบร์ตี้ แฟร์นานเดซ น. 17,65 จุดโทษ ทั้ง 2 ประตู , น. 70 , วิศรุต อิ่มอุระ น. 82 , รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก น. 92 , ส่วน สุพรรณบุรีฯ ได้จาก จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ น. 40 , จุง ฮาน ชอล น. 89
นครราชสีมาฯ เฮ 3 นัดติด หลังเปิดบ้าน ชนะ เมืองทอง ยูฯ ได้ 2-0 จาก ควาเม่ คาริคารี่ น. 62 (จุดโทษ) , ชินทาโร่ ชิมิสึ น. 77 “กิเลนผยอง” ยังมีลุ้นไปเอซีแอล ในฐานะอันดับ 4 ได้หาก บุรีรัมย์ฯ คว้า แชมป์ เอฟเอคัพ ไปครองอีกรายการ
อีกคู่ การท่าเรือฯ เปิดบ้าน ถล่ม หนองบัวฯ ที่เล่น 10 คนตั้งแต่ น. 17 หลัง เอียน แรมซีย์ โดนใบแดง ไล่ออกไป ไป 3-0 ได้จาก ยุทธพงษ์ ศรีละคร น. 48 ( นักเตะหนองบัว ทำเข้าเอง ) , แซร์คิโอ ซัวเรซ น. 65 , นูรูล ศรียานเก็ม น. 92
สถานการณ์ขณะนี้ 2 ทีมตกชั้นไปแล้วคือ เชียงใหม่ ยูฯ กับ สุพรรณบุรีฯ อันดับ 16,15 เหลืออีกโควตา ตกชั้นซึ่ง มี 2 ทีมอยู่ในข่ายคอ สมุทรปราการฯ อันดับ 14 และ พีที ประจวบฯ อันดับ 13 โดย “ต่อพิฆาต” หากบุกไปชนะหรือเสมอ เมืองทองฯ เกมสุดท้ายได้จะรอดทันที ต่อให้ สมุทรปราการฯ เปิดบ้าน ชนะ เชียงราย ยูฯ ได้ก็ตามที
ขณะที่ โควตา เอซีแอล ที่ได้แน่นอนไปแล้ว คือ บุรีรัมย์ฯ , บีจีปทุมฯ, ทรูแบงค็อกฯ อันดับ 1-3 โดย บุรีรัมย์ฯ ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่ม เอซีแอล 2023 แน่นอนแล้ว แต่หาก บุรีรัมย์ฯ ได้ แชมป์ ช้าง เอฟเอคัพ ด้วย อีก 1 รายการ จะทำให้ บีจีปทุมฯ ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่ม ด้วยอีกทีม และ อันดับ 3 อย่าง ทรูฯ และอันดับ 4 ที่ยังมีลุ้นถึง 4 ทีมคือ เมืองทองฯ , ชลบุรีฯ,หนองบัวฯ,เชียงรายฯ จะได้เล่นรอบเพลย์ออฟ
แต่หากแชมป์ เอฟเอคัพ ไม่ได้เป็น บุรีรัมย์ฯ ทีมแชมป์ เอฟเอคัพ จะได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มกับ บุรีรัมย์ฯ และ อันดับ 2-3 อย่าง บีจีปทุมฯ,ทรูฯ จะได้เล่น รอบเพลย์ออฟ ส่วนอันดับ 4 ไม่ได้สิทธิอะไร สรุปอันดับ 4 จะได้เล่น เอซีแอล 2023 ต่อเมื่อ บุรีรัมย์ฯต้องได้แชมป์ เอฟเอคัพ ด้วยนั่นเอง
Add friend ที่ @Siamsport
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]