หอการค้าไทย รับประเมินผลกระทบทันทียังไม่ได้ ขณะที่หอการค้าเชียงราย-ตาก ชี้รัฐประหารเมียนมาครั้งนี้ ประชาชนแห่ตุนสินค้าอุปโภค บริโภค คาดส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าไทยเพิ่ม หวั่นทหารเข้าควบคุมการค้า แก้กฎระเบียบจนกลายเป็นอุปสรรค
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองในเมียนมาว่า ยังเร็วไปที่หอการค้าจะให้ความเห็นว่าจะกระทบต่อการค้า การลงทุน ของไทยกับเมียมาอย่างไร โดยอาจจะต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อน แต่ก็คาดหวังว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้า เศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทุกประเทศต่างอยู่ระหว่างการแก้ไขกระตุ้นเศรษฐกิจ การจับใช้ซื้อสินค้า
ด้านนายอนุรัตน์ อินทร ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า หลังจากมีการรัฐประหารในประเทศเมียนมา จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้การนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้นกว่าปกติ เพราะประชาชนอาจจะตื่นตระหนกกักตุนสินค้าอุปโภค บริโภค ซึ่งส่วนใหญ่ก็นำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ผ่านด่านพรมแดนของจังหวัดเชียงราย ซึ่งมีทั้งหมด 6 ด่าน สร้างรายได้รวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่วนผลกระทบต่อการลงทุนไม่น่าจะมี อย่างไรก็ตาม ก็จะติดตามสถานการณ์ภายในของเมียนมาอย่างใกล้ชิด
นายประเสริฐ จึงกิจรุ่งโรจน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวว่า หลังจากเกิดการรัฐประหารในเมียนมาในช่วงเช้าของวันนี้ (1 ก.พ.) เกิดความสับสนเล็กน้อย เนื่องจากทางฝั่งของเมียนมาได้ปิดประตูด่านพรมแดนนาน 3-4 ชม. ทำให้เกิดความแออัดของการขนส่งสินค้าหน้าด่าน แต่หลังจากนั้นไม่นานด่านชายแดนก็เปิดตามปกติในเวลาประมาณ 10.00 น. ซึ่งถือว่าเป็นการบริหารจัดการของทางฝั่งนั้น ที่อาจรอคำสั่งหรือความชัดเจนในทางปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามเมียนมาน่าจะมีนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนจะมีการกักตุนสินค้า เนื่องจากวิตกกังวลจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ประกอบกับเมียนมามีปัญหาของการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วย การค้า การส่งออก จึงเชื่อว่าสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นกังวล
ดังนั้น การรัฐประหารครั้งนี้จึงไม่มีการปิดด่านขนส่งสินค้า เพราะการเปิดด่านเป็นประโยชน์ของเมียนมาเอง และขณะนี้เป็นช่วงที่ไทยอนุญาตให้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาได้ในช่วงเดือน ก.พ.-ส.ค. เท่านั้น หากปิดด่านพรมแดนไปก็จะทำให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรตกค้าง ไม่มีตลาดรองรับส่งผลเสียต่อเกษตรกรชาวเมียนมาเอง
“สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ทหารจะเข้ามาควบคุมการค้าขายด้วย การแก้ไขกฎระเบียบในการนำเข้าส่งออกระหว่างไทยและเมียนมาใหม่ ซึ่งห่วงว่าจะเป็นปัญหาและอุปสรรคระหว่างกัน ด่านพรมแดนที่จังหวัดตากสร้างรายได้ประมาณละ 8 หมื่นล้านบาท โดยมีด่านที่สร้างรายได้สำคัญ คือ จุดผ่านแดนสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2”
ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat