‘อนุทิน’ เตรียมแผนฉีดวัคซีน 6 เดือนแรก 5 ล้านโดสใน 70 จังหวัด ขณะที่ตร.เร่งไล่กล้อง-เอาผิด ‘ดีเจมะตูม’ ปาร์ตี้้แพร่โควิด
ความคืบหน้ากรณีนายพันธ์ศักดิ์ เจริญสุข ผู้อำนวยการเขตสาทร กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยื่นเรื่องให้ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ ตรวจสอบกรณี นายเตชินท์ พลอยเพชร หรือดีเจมะตูม นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง จัดงานฉลองวันเกิดที่โรงแรมบันยันทรี เขตสาทร ซึ่งมีคนบันเทิงมาร่วมงานจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ต.อ.ชัยพันธุ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ทีมงานเขตสาทรมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ให้ตำรวจตรวจสอบ ว่าการกระทำของดีเจมะตูมเข้าข่ายความผิดใดหรือไม่ แต่ยังไม่มีการสอบปากคำ จึงจะนัดหมายอีกครั้งให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารโรงแรมบันยันทรีไปแล้วทราบว่า โรงแรมได้เปิดทำการตามเวลาที่ กทม.กำหนด คือไม่เกิน 21.00 น. และได้รับแจ้งว่าไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ก็ต้องตรวจสอบใบเสร็จค่าอาหารด้วยว่ามีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ ตอนนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานบุคคลต่างๆ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำผิด ซึ่งยังระบุแน่ชัดไม่ได้ว่ามีใครบ้าง
พ.ต.อ.ชัยพันธุ์กล่าวว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในวันที่ดีเจมะตูมเข้าพักพบว่ามีการเปิดโต๊ะให้ลูกค้ารายอื่นๆ ด้วย ไม่ได้เป็นการปิดเหมาทั้งชั้นตามที่มีข่าวไป โดยโต๊ะของดีเจมะตูมมีคนนั่งประมาณ 14 คน ยืนยันว่าที่ผ่านมาตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าฉีดยาฆ่าเชื้อนับตั้งแต่ทราบข่าวว่าดีเจมะตูมติดเชื้อโควิดแล้ว
วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ จ.เชียงราย โดยนายอนุทินได้มอบนโยบายแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เรื่องการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการที่จะฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชน ซึ่งประเทศไทยจะได้รับวัคซีนมาฉีดภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้
นายอนุทินกล่าวว่า วัคซีนที่กำลังจะมาขณะนี้ระบบบริหารจัดการวัคซีนได้จัดตั้งเรียบร้อยแล้ว ประเทศไทยจะฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นระบบต้องมีความเข้มแข็ง และการฉีดวัคซีนจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินต้องควบคุมให้ดีและจะต้องสังเกตอาการของผู้ที่รับวัคซีน เพื่อไม่ให้ประชาชนมีความวิตกกังวล สำหรับประสิทธิภาพวัคซีน โควิด-19 เบื้องต้น 6 เดือนแรกประมาณ 5 ล้านโดส เฉลี่ย 70 จังหวัดประมาณ 3-4 พันคนต่อวัน
“หากระยะแรกได้ผลดีก็จะขยายในการฉีดให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งวัคซีนจะมาถึงภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ สำหรับกลุ่มที่จะดำเนินการฉีดก่อนคือ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึง อสม. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรค และบุคคลทั่วไปที่มีโรคประจำตัวเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนระยะที่ 2 ช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2564 จำนวน 26 ล้านโดส ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ และระยะที่ 3 ช่วงปลายปี 2564 ถึงต้นปี 2565 จะฉีดให้ประชาชนทั่วไปให้ครอบคลุมมากที่สุด ให้เกิดภูมิคุ้นกันในชุมชน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค”นายอนุทินกล่าว