วันนี้ ( 27 มิ.ย.64) การยกระดับมาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (28 มิ.ย.64) โดยเฉพาะคำสั่งปิดแคมป์แรงงานก่อสร้างซึ่งพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ห้ามการเดินทางเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติเด็ดขาด เป็นเวลา 30 วัน โดยกระทรวงแรงงานจะเยียวยาให้กับแรงงานทุกคนในแคมป์ รวมถึงมาตรการ Bubble & Seal ในโรงงานที่สามารถประกอบกิจการได้ แต่กำหนดให้พนักงานทำงานแลพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด
มาตรการดังกล่าวส่งผลให้แรงงานบางส่วนเก็บของทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา และบางส่วนมีผลตรวจติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่สามารถหาเตียงเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้ จึงเดินทางกลับไปรักษาในโรงพยาบาลจังหวัดต่างๆ
ล่าสุด จังหวัดเชียงราย ผู้ว่าราชการจังหวัด ส่งโทรสารในราชการ ด่วนที่สุดส่งถึงนายอำเภอทุกอำเภอ เฝ้าระวังการเคลื่อนย้ายของประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง โดยให้แต่ละอำเภอประสานงานอย่างใกล้ชิดกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ตรวจสอบข้อมูลผู้เดินทางมาจาก 10 จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หากพบผู้เดินทางมาจาก กทม.และปริมณฑล ต้องมีผลตรวจปลอดเชื้อโควิด ไม่เกิน 72 ชม. หรือได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา 1 เข็ม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือได้รับวัคซีนซิโนแวค ครบ 2 เข็ม รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติ หากผู้เดินทางเข้า จ.เชียงราย ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข ให้กักตัวควบคุมโรคภายในบ้าน (Home Quarantine) เป็นเวลา 14 วัน
ส่วน จ.สระบุรี ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการให้ทุกอำเภอตั้งจุดตรวจสกัด เตรียมรองรับการเคลื่อนย้ายแรงงานจากพื้นที่ระบาด ที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้ามาในพื้นที่ และให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน สำรวจตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้านหรือชุมชน โดยให้ดำเนินการตามมาตรการคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดอย่างเคร่งครัด