ในช่วงนี้ที่ใกล้จะถึงเทศกาลสงกรานต์ที่เป็นวันหยุดยาว และใครหลายๆ คนจะได้พักผ่อนจากการทำงานหนัก “อาทิตย์เอกเขนก” ฉบับนี้จึงอยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เพื่อเอาไว้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต ที่ไม่ว่าจะเลือกเที่ยวในช่วงไหนก็น่าจะทำให้ฟินได้เหมือนกัน แต่หากใครมีการวางแผนตั้งทริปเที่ยวช่วงหน้าร้อนนี้แล้ว จะเก็บแนวการเดินทางครั้งนี้ไว้เผื่อจะออกทริปเที่ยวหน้าหนาวปลายปีนี้ก็ได้เหมือนกัน เพราะการันตีความฟินทั้งอากาศและสถานที่แน่นอน
โดยทริปนี้ได้ร่วมเดินทางไปกับ “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ถือว่าเป็นเจ้าบ้านที่ดี จัดแผนเดินทางที่ครบรส สนุกสนาน และสวยงามอย่างที่อยากจะบอกต่อคนอื่นๆ ให้มาเที่ยวกันเยอะๆ โดยจังหวัดที่ได้ไปเยือนครั้งนี้ถือว่าเป็นจังหวัดที่อยู่เหนือที่สุดในประเทศไทย และมีชายแดนติดกับเพื่อนบ้านแบบแค่เดินไปไม่กี่ก้าวอย่าง “เชียงราย” นั่นเอง
และการเดินทางครั้งนี้ เมื่อถึงที่สนามบินเชียงรายก็มุ่งไปทำกิจกรรมแรกอย่างการขึ้นหลังช้าง ชื่นชมธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรมของหมู่บ้านกะเหรี่ยงรวมมิตร โดยสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเข้ามาขี่ช้างพร้อมเดินลัดเลาะไปตามลำน้ำและเส้นทางภายในหมู่บ้าน ซึ่งกิจกรรมนี้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการทารุณกรรมสัตว์หรือไม่
แต่จากการพูดคุยกับผู้ดูแลหลายๆ คน ยืนยันว่าช้างที่อยู่ในหมู่บ้านนั้น ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี และมีการฝึกฝนจนชำนาญ เส้นทางที่พาเดินก็ไม่ใช่เส้นทางที่อันตรายหรือลำบากต่อช้าง และมีระยะการเดินที่ไม่ไกลมาก และช้างหลายตัวที่มีอายุมากก็จะมีการปลดระวางการทำงานและถูกเลี้ยงดูต่อไป จึงไม่อยากให้มองว่าเป็นการทารุณ ต้องมองว่าสิ่งนี้เป็นอาชีพที่สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในหมู่บ้านได้ สร้างงานและสร้างเอกลักษณ์ของหมู่บ้านได้ แต่ใครไม่อยากขี่ช้างทางหมู่บ้านก็มีกิจกรรมอื่นๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมทำทั้งป้อนอาหาร หรือกิจกรรมอาบน้ำช้างก็มีเช่นกัน
ต่อจากขี่ช้าง แต่ไม่ได้จับตั๊กแตนแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางขึ้นดอย ที่ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ที่เริ่มจะได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวขึ้นมาบ้างแล้ว ที่แรกคือ ดอยช้างมูบ จุดชมวิวที่ภูเขาสลับทับซ้อนกัน แถมยังติดชายแดนฝั่งเมียนมาที่มาพร้อมกับอากาศบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ที่ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย เป็นพื้นที่แค่มาชมวิวก็คุ้มแล้ว โดยเป็นฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ตั้งอยู่บนแนวสันเขาแบ่งเขตแดนไทย-พม่า เป็นฐานปฏิบัติการของกองพันทหารม้าที่ 18 กรมทหารม้าที่ 3 ที่ปัจจุบันยังใช้เป็นฐานสังเกตการณ์อยู่จริง
โดยพื้นที่เปิดให้เข้าชมทิวทัศน์ทะเลหมอกของประเทศไทย-พม่า ได้อย่าง 360 องศา และภายในพื้นที่ยังมีร้านกาแฟ phamuang coffee@DoichangMub ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว แถมไม่ต้องเสียค่าเข้าอีกด้วย แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ ตอนที่ผู้เขียนไปนั้นเป็นวันที่หมอกลงหนาจัด ทำให้ทั้งพื้นที่มีแต่หมอกปกคลุมไม่เห็นวิวอะไรเลย แม้แต่ภูเขาสักลูกยังมองยาก ถึงจะผิดพลาดไปหน่อย แต่ความประทับใจก็ยังคงอยู่ เพราะการที่เราถูกโอบล้อมด้วยหมอกเย็นๆ แบบนั้นหาได้ยากในประเทศไทยอย่างมาก
ดอยต่อมาที่ได้เดินทางไปเยี่ยมชมคือ ดอยที่เมื่ออ่านเป็นภาษาไทยอาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ และจะต้องโฟกัสในการอ่านดีๆ นั่นก็คือ ดอยผาฮี้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 10 บ้านผาฮี้ ต.โป่งงาม อ.แม่สาย ใช้เส้นทางเดียวกับดอยช้างมูบ แต่ผาฮี้นี้เป็นศูนย์รวมความชิลไว้ให้กับนักท่องเที่ยวได้อย่างดี โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าอาข่าที่อยู่อาศัยที่นั่น หมู่บ้านมีความสูงและเหมือนถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาแบบรอบทิศ กิจกรรมหลักๆ นอกจากเดินชมหมู่บ้านและวิถีชีวิตของคนพื้นที่แล้วนั้น ก็คือการหยุดพักจิบกาแฟพร้อมกับชมธรรมชาติที่หาแบบนี้จากเมืองกรุงไม่ได้แน่นอน
ดอยผาฮี้ มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมถึงโฮมสเตย์เปิดไว้รองรับนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร และการันตีได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นร้านไหน มุมไหน ก็จะสามารถได้รับชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจากธรรมชาติได้เท่ากันหมด รวมถึงคนในพื้นที่อัธยาศัยดี พูดคุยเก่ง แถมขายของเก่งอีกด้วย ในพื้นที่หมู่บ้านเราจะได้เห็นถึงวัฒนธรรมและประเพณีที่ยังคงรักษาไว้ได้อย่างดี รวมถึงความเชื่อและอาชีพที่คนแถวนั้นสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เมื่อไปแล้วสามารถนั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติได้ทั้งวันเช้าจรดเย็นแน่นอน
ปิดท้ายด้วยที่สุดท้ายก่อนเดินทางกลับก็คือ ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก จากเหตุการณ์การติดถ้ำของเด็กทีมฟุตบอลหมูป่า 13 คน จนตอนนั้นที่หลายหน่วยงานจากหลายประเทศส่งกำลังคน เครื่องมือ เทคโนโลยีมาช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ จนสุดท้ายก็เหมือนเกิดปาฏิหาริย์ที่ทีมงานสามารถช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นออกมาอย่างปลอดภัยทุกคน และจากเหตุการณ์นั้นทำให้สถานที่ดังกล่าวกลายมาเป็นที่ที่หลายคนสนใจ และทางจังหวัดก็ได้พัฒนาให้เกิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อรอต้อนรับทุกคนที่ต้องการไปเยี่ยมชม
แม้ว่าปัจจุบัน อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จะยังไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปสำรวจถ้ำเองได้ แต่ก็มีโปรเจ็กต์ที่จะพัฒนาเส้นทางในการเข้าไปในถ้ำเพื่อศึกษาธรรมชาติ รวมถึงตามรอยเหตุการณ์ดังครั้งนั้น เชื่อว่าไม่นานนี้นักท่องเที่ยวก็จะสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในถ้ำได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอันตรายใดๆ อีกต่อไป.